สื่อธรรม
เมื่อพบการกุศล ไม่ทำ เพราะยึดมั่นว่าต่างนิกาย ต่างสำนัก ไม่อาจขึ้นสวรรค์
พระมหาโพธิสัตต์เจ้าอวโลติเกศวร
งานกฐินวัดเขาบางพระ พิธีการช่วงบ่าย
14 แต่งตั้งพระครูเจ้าอาวาสวัดเขาบางพระ
งานกฐินวัดเขาบางพระ ช่วงเช้า
พุทธศาสนสุภาษิต
ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของของเราอย่างแท้จริง
เรื่องที่จิตจะปฏิเสธว่า โลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเรานั้น อาจจะไม่ปฏิเสธไปเสียทุกครั้ง เพราะการปฏิเสธของจิตมิใช่เป็นเรื่องบังคับ หากเป็นธรรมชาติที่เป็นจริง แต่เมื่อใดที่จิตมีความรู้เห็นในสรรพสังขารทั้งหลายว่าเป็นทุกข์อย่างนี้ มีความไม่เที่ยงอย่างนี้ และรู้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดเป็นเรา จิตจะเอาอะไรเป็นเครื่องยึดถือ เพราะจิตได้รู้เห็นโทษภัยในการยึดถือทั้งหมดแล้วว่าเป็นทุกข์อย่างนี้ ไม่มีความสงสัยลังเลในสัจธรรมทั้งหลาย จิตก็ย่อมปฏิเสธและทอดอาลัยในความยึดถือทันที ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของของเราอย่างแท้จริง นี้คือจิตมีความฉลาด สามารถที่จะรู้เห็นในปัญญาญาณอย่างเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดในภพทั้งสามจะปิดบังอำพรางในวิปัสสนาญาณนี้เลย แม้จะน้อมจิตไปพิจารณาสัจธรรมในอดีต ก็รู้เห็นสัจธรรมในอดีต จะน้อมจิตไปพิจารณาสัจธรรมในอนาคต ก็รู้เห็นสัจธรรมในอนาคต นี้ก็เพราะปัจจุบันมีสัจธรรมที่เพียบพร้อมอยู่แล้ว การกำหนดดูในเรื่องอดีต อนาคต จึงไม่มีปัญหาที่จะทำให้เกิดความสงสัย เพราะความเป็นไปในสัจธรรมมีสภาพเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เหมือนกับความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ฉะนั้น การรู้เห็นในสัจธรรมในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นเครื่องยืนยันตัดสินได้อย่างถูกต้อง นี้คือความรู้รอบ เป็นความรอบรู้ในสรรพสังขารทั้งหลายว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรยึดถือ ถ้ารู้เห็นในสัจธรรมว่าเป็นจริงแล้วอย่างนี้ จึงไม่มีสิ่งใดจะมาบังคับให้จิตมีความยึดถือได้ เหมือนกับรู้เห็นไฟว่าเป็นของร้อน รู้เห็นงูพิษว่าเป็นงูพิษ รู้เห็นเสือว่าเป็นเสือ รู้เห็นจระเข้ว่าเป็นจระเข้ รู้เห็นมูตรคูถว่าเป็นของสกปรกโสโครก ใครเล่าจะไปคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้ หนทางที่จะหลีกหนีให้พ้นไปจากสิ่งเหล่านี้ ก็ผู้นั้นแลจะรู้เห็นเส้นทางที่จะหนีไปให้พ้นเองนี้ฉันใด เมื่อจิตมีญาณคือความรู้ จิตมีความสว่างในการเห็น ความรู้ความเห็นทั้งสองนี้มารวมในจุดเดียวเมื่อไร ความฉลาดความเฉียบแหลมคมคายก็เกิดขึ้นภายในจิตใจทันที จะพิจารณาในสัจธรรมหมวดใด ก็จะรู้ชัดเห็นจริงในสัจธรรมหมวดนั้น ๆ อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน และหายสงสัยในสัจธรรมหมวดนั้น ๆ ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องไปถามใคร ๆ ทั้งสิ้นฉันนั้น นี้คือความรู้เห็นตามความเป็นจริง จิตจึงปฏิเสธได้ว่า ในโลกนี้จึงไม่มีอะไรเป็นเราและเป็นของของเราแม้แต่นิดเดียว
เก็บมาเล่า วันเจ้าแม่กวนอิมเปิดคลังสมบัติ
เก็บมาเล่า วันเจ้าแม่กวนอิมเปิดคลังสมบัติ
มีหลายคนทักมาถามถึงเรื่อง “วันเจ้าแม่กวนอิมเปิดคลังสมบัติ” ว่าจริงหรือไม่เป็นอย่างไร เพราะตอนนี้กระแสการไหว้ขอทรัพย์จากองค์เจ้าแม่กวนอิมแพร่หลาย
วันเจ้าแม่กวนอิมเปิดคลังสมบัติ เป็นความเชื่อ ตามตำนานเล่าว่าเกิดจากพระเมตตา และความศรัทธาในองค์เจ้าแม่กวนอิม เพื่อป็นที่พึ่งทางใจ และดลบันดาลโชคลาภเพื่อช่วยปลดทุกข์ให้แก่ผู้ที่ยากจนหรือเดือดร้อน พร้อมทั้งนำโชคลาภที่ได้มานำไปใช้ที่ถูกที่ควร การไหว้วันเจ้าแม่กวนอิมเปิดคลังสมบัติ เป็นที่นิยมกันในหมู่คนจีนกวางตุ้งกับคนฮ่องกง โดยเฉพาะคนที่ฮ่องกงจะแห่กันไปขอพรขอทรัพย์ที่วัดเจ้าแม่กวนอิมฮองฮำกันจำนวนมาก
ที่จริงแล้ว "หากมีความศรัทธาในองค์เจ้าแม่กวนอิมอยู่แล้ว" สามารถขอพรท่านที่ไหนก็ได้ที่หิ้งที่บ้านต่อหน้ารูปภาพ รูปปั้นหรือขอพรที่โรงเจ ก็ทำได้
สำหรับ “วันเจ้าแม่กวนอิมเปิดคลังสมบัติ” ปีนี้ตรงกับวันที่ 6 มีนาคม 2567 คือนับหลังจากวันชิวอิก หรือ วันตรุษจีน โดยนับถัดไปอีก 26 วัน เป็นการคำนวณตามปฏิทินจันทรคติจีนซึ่งจะไม่ตรงกันทุกปี โดยบางแห่งจะเริ่มไหว้ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 23.00 น. (ยาม 1 เวลาจีน) ไปจนถึงคืนวันที่ 6 มีนาคม 2567
วิธีไหว้ขอทรัพย์มีหลากหลายวิธีแล้วตำรา แล้วแต่อาจารย์ที่ชี้แนะ ตัวอย่างเช่น ไหว้ส้ม 5 ผล ขนมถ้วยฟู ซองแดงใส่เงินสำหรับเป็นขวัญถุงวางบนส้ม เทียนแดง กระดาษไหว้เจ้า เป็นต้น จากนั้นอธิฐานขอพรองค์เจ้าแม่กวนอิม ขอเงินเป็นทุนทำธุรกิจค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง บางตำราก็เอาเงินในซองแดงไปลงทุนต่อยอด บางตำราก็เก็บเป็นเงินขวัญถุง บางตำราก็เอาผงธูปใส่ไว้ในซองแดงเวียนรอบกระถางธูป 3 รอบ
ในวันพรุ่งนี้สาธุชนท่านใดที่ไม่รู้ว่าจะเดินทางไปกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่แห่งไหน เจริญพรมากราบไหว้องค์เจ้าแม่กวนอิมประทานพร
ที่วัดเขาบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้ตลอดทั้งวันเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านและครอบครัว
ขอบารมีแห่งองค์เจ้าแม่กวนอิม โปรดประทานพรให้สาธุชนทุกท่าน ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีมากมีสมบัติจักรพรรดิ สมตามปรารถนาทุกประการ สุขภาพแข็งแรง ด้วยเทอญ
ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
งานกฐินวัดเขาบางพระ พิธีการช่วงบ่าย
14 แต่งตั้งพระครูเจ้าอาวาสวัดเขาบางพระ
งานกฐินวัดเขาบางพระ ช่วงเช้า
พุทธศาสนสุภาษิต
ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของของเราอย่างแท้จริง
เรื่องที่จิตจะปฏิเสธว่า โลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเรานั้น อาจจะไม่ปฏิเสธไปเสียทุกครั้ง เพราะการปฏิเสธของจิตมิใช่เป็นเรื่องบังคับ หากเป็นธรรมชาติที่เป็นจริง แต่เมื่อใดที่จิตมีความรู้เห็นในสรรพสังขารทั้งหลายว่าเป็นทุกข์อย่างนี้ มีความไม่เที่ยงอย่างนี้ และรู้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดเป็นเรา จิตจะเอาอะไรเป็นเครื่องยึดถือ เพราะจิตได้รู้เห็นโทษภัยในการยึดถือทั้งหมดแล้วว่าเป็นทุกข์อย่างนี้ ไม่มีความสงสัยลังเลในสัจธรรมทั้งหลาย จิตก็ย่อมปฏิเสธและทอดอาลัยในความยึดถือทันที ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของของเราอย่างแท้จริง นี้คือจิตมีความฉลาด สามารถที่จะรู้เห็นในปัญญาญาณอย่างเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดในภพทั้งสามจะปิดบังอำพรางในวิปัสสนาญาณนี้เลย แม้จะน้อมจิตไปพิจารณาสัจธรรมในอดีต ก็รู้เห็นสัจธรรมในอดีต จะน้อมจิตไปพิจารณาสัจธรรมในอนาคต ก็รู้เห็นสัจธรรมในอนาคต นี้ก็เพราะปัจจุบันมีสัจธรรมที่เพียบพร้อมอยู่แล้ว การกำหนดดูในเรื่องอดีต อนาคต จึงไม่มีปัญหาที่จะทำให้เกิดความสงสัย เพราะความเป็นไปในสัจธรรมมีสภาพเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เหมือนกับความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ฉะนั้น การรู้เห็นในสัจธรรมในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นเครื่องยืนยันตัดสินได้อย่างถูกต้อง นี้คือความรู้รอบ เป็นความรอบรู้ในสรรพสังขารทั้งหลายว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรยึดถือ ถ้ารู้เห็นในสัจธรรมว่าเป็นจริงแล้วอย่างนี้ จึงไม่มีสิ่งใดจะมาบังคับให้จิตมีความยึดถือได้ เหมือนกับรู้เห็นไฟว่าเป็นของร้อน รู้เห็นงูพิษว่าเป็นงูพิษ รู้เห็นเสือว่าเป็นเสือ รู้เห็นจระเข้ว่าเป็นจระเข้ รู้เห็นมูตรคูถว่าเป็นของสกปรกโสโครก ใครเล่าจะไปคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้ หนทางที่จะหลีกหนีให้พ้นไปจากสิ่งเหล่านี้ ก็ผู้นั้นแลจะรู้เห็นเส้นทางที่จะหนีไปให้พ้นเองนี้ฉันใด เมื่อจิตมีญาณคือความรู้ จิตมีความสว่างในการเห็น ความรู้ความเห็นทั้งสองนี้มารวมในจุดเดียวเมื่อไร ความฉลาดความเฉียบแหลมคมคายก็เกิดขึ้นภายในจิตใจทันที จะพิจารณาในสัจธรรมหมวดใด ก็จะรู้ชัดเห็นจริงในสัจธรรมหมวดนั้น ๆ อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน และหายสงสัยในสัจธรรมหมวดนั้น ๆ ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องไปถามใคร ๆ ทั้งสิ้นฉันนั้น นี้คือความรู้เห็นตามความเป็นจริง จิตจึงปฏิเสธได้ว่า ในโลกนี้จึงไม่มีอะไรเป็นเราและเป็นของของเราแม้แต่นิดเดียว